วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2562

Learning Log 4

Learning Log 4

-Thursday 29th August 2019-

วันนี้อาจารย์ได้สอนในบทที่ 3 
การสื่อสารกับผู้ปกครองเด็กปฐมวัย
โดยมีเนื้อหา ดังนี้ 


🔅 คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับรายวิชา🔅
One-Way Communication   การสื่อสารทางเดียว
Two-way Communication การสื่อสารสองทาง 
Verbal Communication  การสื่อสารเชิงวัจนะภาษา
Non-Verbal Communication การสื่อสารเชิงอวัจนะภาษา
personal Communication การสื่อสารส่วนบุคคล 
Intrapersonal Communication การสื่อสารระหว่างบุคคล 
Mass Communication การสื่อสารมวลชน 
Channel ช่องทางการส่งสาร 
Clarity of audience ความสามารถของผู้รับสาร 
Clearly ความชัดเจน 

✨ ความหมายของการสื่อสาร
🔎 การสื่อสาร(Communication) คือ กระบวน การส่งข่าวสาร ข้อมูล จาก   ผู้ส่งข่าวสารไปยังผู้รับข่าวสาร มีวัตถุประสงค์เพื่อชักจูงให้ผู้รับข่าวสาร มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา โดยคาดหวังให้เป็นไปตามที่ผู้ส่งต้องการ 
🔎 การติดต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ ความคิด ทัศนคติ ทักษะ และประสบการณ์ระหว่างผู้ส่งสารและผู้รับสารให้มีความเข้าใจ ที่ตรงกันเพื่อนำไปสู่การดำรงชีวิตที่มีความสุข

✨ ความสำคัญของการสื่อสาร
🔎 ทำให้ได้รับรู้และเข้าใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคม 
🔎 ทำให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันทั้ง 2 ฝ่าย
🔎 ทำให้สร้างมิตรภาพที่อบอุ่น
🔎 ทำให้เกิดภาพแห่งความพึงพอใจ
🔎 ช่วยในการพัฒนาอัตมโนทัศน์ เป็นการสร้างความรู้สึกที่ดีต่อตนเองก่อให้เกิดความพอใจในชีวิต

✨ รูปแบบของการสื่อสาร
🔎 รูปแบบการสื่อสารของอริสโตเติล (Aristotle’s Model of Communication)
🔎 รูปแบบการสื่อสารของลาล์สเวล (Lasswell’s Model of Communication)
🔎 รูปแบบการสื่อสารของแชนนอนและวีเวอร์ (Shannon & Weaver’s Model of Communication)
🔎 รูปแบบการสื่อสารของออสกูดและชแรมม์ (C.E Osgood and Willbur Schramm’s )
🔎 รูปแบบการสื่อสารของเบอร์โล (Berlo’s Model of Communication) 


🔅 รูปแบบการสื่อสารของอริสโตเติล (Aristotle’s Model of Communication)


🔅 รูปแบบการสื่อสารของลาล์สเวล (Lasswell’s Model of Communication)

🔅 รูปแบบการสื่อสารของออสกูดและชแรมม์ (C.E Osgood and Willbur Schramm’s )
🔅 รูปแบบการสื่อสารของแชนนอนและวีเวอร์ (Shannon & Weaver’s Model of Communication)

🔅 รูปแบบการสื่อสารของเบอร์โล (Berlo’s Model of Communication) 


ต่อมาอาจารยได้ให้ทำกิจกรรมเล่นเกมการสื่อสารโดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม เกมมีดังนี้
🔎 เกมส่งเสริมเรื่องการสื่อสาร เกมสื่อความหมาย
ใบ้คำโดยการทำท่าทางต่อกันไปเรื่อยๆ โดยไม่ส่งเสียงหรือพูดอะไร นอกจากทำท่าทางอย่างเดียว ส่งต่อกันไปเรื่อยๆ ทีละคน จนถึงคนสุดท้ายให้เพื่อนคนสุดท้ายทายว่าท่าทางที่ทำนั้นคืออะไร

🔎 เกมส่งเสริมเรื่องการสื่อสาร เกมทายคำ
ใบ้คำที่เพื่อนถือไว้บนหัวโดยพูดประโยคอะไรก็ได้เพื่อให้ได้คำตอบโดยห้าม  มีคำที่เป็นคำตอบหลุดออกมา ถ้ามีคำใบที่เป็นคำตอบถือว่าคำนั้นไม่ได้

🔎 เกมส่งเสริมเรื่องการสื่อสาร เกมพรายกระซิบ
คนแรกอ่านและจดจำประโยคแล้วกระซิบบอกต่อไปยังเพื่อนคนที่ 2  คนที่ 2 ไปคนที่ 3 ส่งต่อไป เรื่อยๆ จนถึงคนสุดท้าย แล้วคนสุดท้ายบอกประโยคที่ได้ยินมาว่าเป็นอะไร

🔎 เกมส่งเสริมเรื่องการสื่อสาร เกม ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร กับใคร
จับกลุ่มให้ได้กลุ่มละ 6 คน โดยเรียงลำดับตามหมายเลย 1-6 คนที่ 1 เขียน ใคร (สมมติมา 1 คนว่าเป็นใคร) คนที่ 2 เขียน (เขียนทำอะไร  กิริยาที่ทำอะไรก็ได้) เขียนตามลำดับหมายเลขจนครบทุกคน แล้วนำประโยคของแต่ละหมายเลขมาอ่านเป็นประโยค




✨ องค์ประกอบของการสื่อสาร
1. ผู้ส่งข่าวสาร (Sender)
2. ข้อมูลข่าวสาร (Message)
3. สื่อในช่องทางการสื่อสาร (Media)
4. ผู้รับข่าวสาร (Receivers)
5. ความเข้าใจและการตอบสนอง

✨ ผู้ส่งสารและผู้รับสาร
🔎 ผู้จัดกับผู้ชม
🔎 ผู้พูดกับผู้ฟัง
🔎 ผู้ถามกับผู้ตอบ
🔎 คนแสดงกับคนดู
🔎 นักเขียนกับนักอ่าน
🔎 ผู้อ่านข่าวกับคนฟังข่าว
🔎 คนเล่านิทานกับคนฟังนิทาน

✨ สื่อ  ⇨ ใช้วิธีพูด-เขียน หรือการนำเสนอในรูปแบบต่างๆ เช่น ใช้รูปภาพ รวมทั้งเทคโนโลยีต่างๆ โดยวิธีการติดต่อนั้นต้องใช้ตัวกลางต่างๆ เช่น คลื่นเสียง ตัวหนังสือ แผ่นกระดาษที่มีตัวหนังสือเขียน  คลื่นวิทยุโทรทัศน์ ตัวกลางเหล่านี้เรียกว่า สื่อ โดยการสื่อสารนั้นสามารถใช้สื่อหลายๆอย่างได้พร้อมๆกัน เช่น การเรียน การสอน ต้องใช้ทั้งหนังสือ กระดาน ภาพ

✨ สาร  ⇨ คือ เรื่องราวที่รับรู้ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น ข้อเท็จจริง ข้อแนะนำ การล้อเลียน ความปรารถนาดี ความห่วงใย มนุษย์จะแสดงออกมาให้เป็นที่รับรู้ได้ การสื่อสารจะเกิดขึ้นตามกาลเทศะ และสภาพแวดล้อมต่างๆในสังคม

✨ วัตถุประสงค์ของการสื่อสาร
1. เพื่อแจ้งให้ทราบ หมายถึง การสื่อสารที่ผู้ส่งสารจะแจ้ง หรือบอกกล่าวข่าวสาร ข้อมูล เหตุการณ์ ความคิด ความต้องการของตนให้ผู้รับได้ทราบ
2. เพื่อสอนหรือให้การศึกษา หมายถึง การสื่อสารที่มุ่งจะให้ผู้รับมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทางด้านองค์ความรู้ ความคิด สติปัญญา ฉะนั้นจึงมุ่งเน้นไปที่การเรียนการสอนหรือการศึกษาค้นคว้าทางวิชาการโดยเฉพาะ
3. เพื่อสร้างความพอใจหรือให้ความบันเทิง หมายถึง การสื่อสารที่มุ่งให้เกิดผลทางจิตใจหรืออารมณ์ ความรู้สึกแก่ผู้รับสาร ซึ่งจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อผู้ส่งสารมีข้อมูลที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้รับสาร และมีกลวิธีในการนำเสนอเป็นที่พอใจ
4. เพื่อเสนอหรือชักจูงใจ มุ่งเน้นให้ผู้รับสารมีพฤติกรรมคล้อยตาม หรือยอมรับปฏิบัติตาม

✨ จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า วัตถุประสงค์ของการสื่อสารในแต่ละระดับมี จุดมุ่งหมายที่แตกต่างกันไป ซึ่งจะสำเร็จได้ต้องขึ้นอยู่กับทั้งฝ่ายผู้ส่งสารและฝ่ายผู้รับสาร มีความต้องการที่สัมพันธ์กัน โดยรวมแล้วพอสรุปวัตถุประสงค์การสื่อสารได้ ดังนี้
1. เพื่อแจ้งให้ทราบ คือ การรับและส่งข่าวสารด้านต่างๆ การนำเสนอเรื่องราว ความรู้สึกนึกคิด ความรู้ หรือสิ่งอื่นใด ที่ต้องการให้ผู้รับสารรู้และเข้าใจข้อมูลนั้นๆ โดยมุ่งให้ความรู้และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง
2. เพื่อความบันเทิงใจ คือ การรับส่งความรู้สึกที่ดี และมุ่งรักษามิตรภาพต่อกัน เป็นการนำเสนอเรื่องราวหรือสิ่งอื่นใดที่จะทำให้ผู้รับสารเกิดความพึงพอใจ
3. เพื่อชักจูงใจ คือ การนำเสนอเรื่องราวหรือสิ่งอื่นใดเพื่อจูงใจให้เกิดความร่วมมือ สร้างกำลังใจ เพื่อให้ผู้รับสารเกิดความคิดคล้อยตาม หรือปฏิบัติตาม    ที่ผู้ส่งสารต้องการ และนำไปสู่การปรับปรุงแก้ไข 

✨ ประเภทของการสื่อสาร
ได้มีจำแนกประเภทของการสื่อสารไว้แตกต่างกันหลายลักษณะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการจำแนก ในที่นี้จะแสดงการจำแนกประเภทของการสื่อสาร โดยอาศัยเกณฑ์ในการจำแนกที่สำคัญ 3 ประการ คือ
1. จำแนกตามกระบวนการหรือการไหลของข่าวสาร
2. จำแนกตามภาษาสัญลักษณ์ที่แสดงออก
3. จำแนกตามจำนวนผู้สื่อสาร

🔎 1. จำแนกตามกระบวนการหรือการไหลของข่าวสาร แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ
1.1 การสื่อสารทางเดียว (One-Way Communication) คือการสื่อสารที่ข่าวสารจะถูกส่งจากผู้ส่งไปยังผู้รับในทิศทางเดียว โดยไม่มีการตอบโต้กลับจากฝ่ายผู้รับ เช่น การสื่อสารผ่านสื่อ วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ การออกคำสั่งหรือมอบหมายงานโดย ฝ่ายผู้รับไม่มีโอกาสแสดงความคิดเห็น ซึ่งผู้รับอาจไม่เข้าใจข่าวสาร หรือเข้าใจไม่ถูกต้องตามเจตนาของผู้ส่งและทางฝ่ายผู้ส่งเมื่อไม่ทราบปฏิกิริยาของผู้รับจึงไม่อาจปรับการสื่อสารให้เหมาะสมได้ การสื่อสารแบบนี้สามารถทำได้รวดเร็วจึงเหมาะสำหรับการสื่อสารในเรื่องที่เข้าใจง่าย
1.2 การสื่อสารสองทาง (Two-way Communication) คือการสื่อสารที่มีการส่งข่าวสารตอบกลับไปมาระหว่างผู้สื่อสาร ดังนั้นผู้สื่อสารแต่ละฝ่ายจึงเป็นทั้งผู้ส่งและผู้รับในขณะเดียวกัน ผู้สื่อสารมีโอกาสทราบปฏิกิริยาตอบสนองระหว่างกัน ทำให้ทราบผลของการสื่อสารว่าบรรลุจุดประสงค์หรือไม่ และช่วยให้สามารถปรับพฤติกรรมในการสื่อสารให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ตัวอย่างการสื่อสารแบบสองทาง เช่น การพบปะพูดคุยกัน การพูดโทรศัพท์ การออกคำสั่งหรือมอบหมายงานโดยฝ่ายรับมีโอกาสแสดงความคิดเห็น
🔎 2. จำแนกตามภาษาสัญลักษณ์ที่แสดงออก
2.1 การสื่อสารเชิงวัจนะ (Verbal Communication) หมายถึงการสื่อสารด้วยการใช้ภาษาพูด หรือเขียนเป็นคำพูด ในการสื่อสาร
2.2 การสื่อสารเชิงอวัจนะ (Non-Verbal Communication) หมายถึงการสื่อสารโดยใช้รหัสสัญญาณอย่างอื่น เช่น ภาษาท่าทาง การแสดงออกทางใบหน้า สายตา ตลอดจนถึงน้ำเสียง ระดับเสียง ความเร็วในการพูด เป็นต้น
🔎 3. จำแนกตามจำนวนผู้สื่อสาร

กิจกรรม ต่างๆ ของบุคคลและสังคม ถือว่าเป็นผลมาจากการสื่อสารทั้งสิ้น ดังนั้นการสื่อสารจึงมีขอบข่ายครอบคลุมลักษณะการสื่อสารของมนุษย์ 3 ลักษณะคือ
3.1 การสื่อสารส่วนบุคคล (Intrapersonal Communication)
3.2 การสื่อสารระหว่างบุคคล (Interpersonal Communication)
3.3 การสื่อสารมวลชน (Mass Communication) 

📌 การสื่อสารกับตนเอง
- การสื่อสารที่บุคคลเดียวเป็นทั้งผู้ส่งสารและรับสาร
- การคิดหาเหตุผลโต้แย้งกับตนเองในใจ
- เนื้อหาไม่มีขอบเขตุจำกัด
- บางครั้งมีเสียงพึมพำดังออกมาบ้าง
- บางครั้งเกิดความขัดแย้งในใจและไม่อาจตัดสินใจได้
- อาจเป็นการปลอบใจตนเอง การเตือนตนเอง การวางแผน หรือแก้ปัญหาใดๆ
📌 การสื่อสารระหว่างบุคคล
- บุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ไม่ถึงกับเป็นกลุ่ม
- เป็นเรื่องเฉพาะระหว่างบุคคล อาจไม่เกี่ยวข้องหรือเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น
- อาจเป็นความลับระหว่างผู้ส่งสารกับผู้รับสารเท่านั้น
- สารที่สื่ออาจเปิดเผยหากมีประโยชน์ต่อบุคคลอื่น
📌การสื่อสารสาธารณะ
- มีเป้าหมายจะส่งสารสู่สาธารณชน
- มีเนื้อหาที่อาจให้ความรู้และเป็นประโยชน์ ให้ความเข้าใจที่ถูกต้อง
- เป็นความคิดที่มีคุณค่าและเปิดเผยได้โดยไม่จำกัดเวลา เช่น การบรรยาย การปาฐกถา  การอมรม การสอนในชั้นเรียน
📌 การสื่อสารมวลชน
-  ลักษณะสำคัญคล้ายการสื่อสารสาธารณะ
- ต้องอาศัยสื่อที่มีอำนาจการกระจายสูง รวดเร็ว กว้างขวาง เช่น วิทยุ โทรทัศน์ ดาวเทียมและสื่อมวลชน
- ต้องคัดเลือกเฉพาะข้อเท็จจริงหรือข้อคิดเห็นที่เห็นว่าควรนำเสนออาจสนองความต้องการและความจำเป็นของมวลชนมากหรือน้อยได้
📌 การสื่อสารในครอบครัว
-  เป็นการสื่อสารขั้นพื้นฐานของมนุษย์
- ประสิทธิภาพของการสื่อสารขึ้นอยู่กับความตั้งใจดีของสมาชิกในครอบครัว
- คุณธรรมที่ดีงามในครอบครัวจะช่วยพัฒนาการสื่อสารไปในทางดีงามเสมอ
- ต้องยอมรับและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่แตกต่างกัน
- คนต่างรุ่นต่างวัยในครอบครัวต้องพยายามทำความเข้าใจให้ตรงกัน
- ควรคำนึงถึงมารยาทที่ดีงามอยู่เสมอ
📌 การสื่อสารในโรงเรียน
- ส่วนใหญ่เป็นการสื่อสารกับบุคคลที่คุ้นเคย
- เนื้อหามักเกี่ยวกับวิชาการ พื้นฐานอาชีพและหลักการดำเนินชีวิต
- มีทั้งการสื่อสารระหว่างบุคคล การสื่อสารในกลุ่มและการสื่อสารสาธารณะ
- อาจใช้เวลานานเพราะเรื่องราวมีปริมาณมาก
- อาจมีโอกาสโต้แย้งถกเถียง ควรยอมรับข้อเท็จจริงและไม่ใช้อารมณ์
- ข้อเท็จจริงและข้อสรุปบางเรื่องไม่ควรนำไปเผยแพร่
- ควรระมัดระวังคำพูดและกิริยามารยาท
- คุณธรรมด้านความซื่อสัตย์และการยอมรับอาวุโสเป็นเรื่องสำคัญ
📌 การสื่อสารในวงสังคมทั่วไป
- เริ่มด้วยการทักทายตามสภาพของสังคมนั้นๆ
- การแสดงความยินดีหรือเสียใจ ไม่ควรมากหรือน้อยจนเกินไป
- การติดต่อกับคนที่ไม่รู้จักมาก่อนควรพูดให้ตรงประเด็นและสุภาพพอควร
- การคบหากับชาวต่างประเทศ ควรศึกษาประเพณีและมารยาทที่สำคัญๆของกันและกัน

✨ ธรรมชาติและพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้ปกครอง
🔎 ออเออร์บาค (Auerbach,1968) ได้กล่าวถึงธรรมชาติของผู้ปกครองไว้ดังนี้
- ผู้ปกครองสามารถเรียนรู้ได้
- ผู้ปกครองมีความต้องการที่จะเรียนรู้
- ผู้ปกครองเรียนรู้ได้ดีที่สุดในสิ่งที่เขาสนใจ
- การเรียนรู้จะมีความหมายที่สุดก็ต่อเมื่อเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวของผู้ปกครอง
- การมีอิสระในการเรียนรู้จะทำให้ผู้ปกครองเรียนรู้ได้ดีที่สุด
- ผู้ปกครองสามารถเรียนรู้ได้จากกันและกัน
- การให้ความรู้กับผู้ปกครองถือเป็นการให้ประสบการณ์ใหม่แก่ผู้ปกครอง

✨ ธรรมชาติการเรียนรู้ของผู้ปกครองเด็กปฐมวัยมีประเด็นสำคัญ ดังนี้
- เรียนรู้ได้ดีในเรื่องของการพัฒนาเด็ก
- เรียนรู้ได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีความสมานฉันท์
- มีความแปลกใหม่และมีประโยชน์ต่อเด็ก
- รียนรู้ได้ดีจากการฝึกปฏิบัติ
- เรียนรู้ได้ดีในบรรยากาศที่เป็นวิชาการน้อยที่สุด
- ควรได้รับความต่อเนื่องในการเรียนรู้ทีละขั้นตอน
- เรียนรู้ได้ดีจากสื่อและอุปกรณ์ที่หลากหลาย

✨ พฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้ปกครอง
     ปัจจัยที่มีผลต่อการแสดงออกทางพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้ปกครอง
1.ความพร้อม คือ สภาพความสมบูรณ์ของร่างกายและจิตใจที่จะเรียนรู้ โดยเตรียมความพร้อมในเรื่องดังนี้ พื้นฐานประสบการณ์เดิม สร้างความสนใจเห็นเห็นถึงความสำคัญของความรู้ ส่งเสริมความเชื่อมั่นในการเรียนรู้
2.ความต้องการ คือ ความต้องการให้ชีวิตดำเนินไปอย่างมีความสุข เช่น ต้องการให้ลูกมีสุขภาพที่แข็งแรง มีการศึกษาที่ดี
3. อารมณ์และการปรับตัว คือ  แนวโน้มที่จะปฏิบัติต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มี 2 ประเภทคือ  อารมณ์ทางบวก เช่น ดีใจ พอใจ ฯลฯ อารมณ์ทางลบ เช่น โกรธ เสียใจ หงุดหงิด  ซึ่งอารมณ์ทั้ง 2 นี้มีผลต่อการเรียนรู้ ดังนั้นควรปรับอารมณ์ให้เกิดความสมดุลพร้อมที่จะเรียนรู้
4. การจูงใจ หมายถึง การกระตุ้นเพื่อให้เกิดการเรียนรู้  เช่น ต้องการรู้เพื่อแก้ปัญหาลูกหลาน ต้องการรู้เพื่อพัฒนาลูก ต้องการรู้เพื่อให้ลูกเป็นคนดี
5. การเสริมแรง คือ การสร้างความพึงพอใจหลังการเรียนรู้ให้แก่ผู้ปกครอง เช่น คำชมเชย รางวัล ฯลฯ
6. ทัศนคติและความสนใจ คือ การที่บุคคลมีการตอบสนองและแสดงความรู้สึกต่อสิ่งเร้าต่างๆ เช่น 
- จัดสภาพแวดล้อมในการเรียนรู้ทำให้ผู้ปกครองพอใจและสนุกกับการเรียนรู้
- ช่วงเวลาในการจัดให้ความรู้ ควรมีเวลาที่สะดวกในการเข้าร่วมกิจกรรม
7. ความถนัด คือ ความสามารถของบุคคลในการทำกิจกรรมให้สำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ

✨ อุปสรรคที่สำคัญของการสื่อสาร
🔎ผู้ส่งข่าวสารขาดทักษะในการสื่อสารที่ดี เช่นใช้ภาษาที่อยากแก่การเข้าใจ หรือไม่เหมาะแก่ผู้รับ
🔎ข้อมูลข่าวสารมากเกินไป
🔎ได้ข่าวสารไม่ครบสมบูรณ์ ทำให้สื่อความหมายผิดๆ
🔎ข้อมูลที่ส่งไปผ่านหลายขั้นตอน
🔎เลือกใช้เครื่องมือในการส่งข่าวสารไม่เหมาะสม
🔎รีบเร่งด่วนสรุปข่าวสารเร็วเกินไป ขาดการไตร่ตรอง
🔎ผู้รับข่าวสารไม่ทบทวน หรือสอบถามให้เข้าใจเมื่อสงสัย
🔎อารมณ์ของผู้รับ หรือผู้ส่งอยู่ในสภาพไม่ปกติ
🔎ผู้ส่งหรือผู้รับมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง ไม่รับฟังความคิดเห็นผู้อื่น

✨ 7 c กับการสื่อสารที่ดี
🔎Credibility ความน่าเชื่อถือ : สามารถทำให้ผู้รับสารเกิดความเชื่อถือในสารนั้น ๆ 
🔎Content เนื้อหาสาระ : มีสาระให้เกิดความพึงพอใจ เร่งเร้าและชี้แนะให้เกิดการตัดสินใจได้ในลักษณะอย่างไรบ้าง
🔎Clearly ความชัดเจน : การเลือกใช้คำหรือข้อความที่เข้าใจง่าย ๆ ข้อความไม่คลุมเครือ
🔎Context ความเหมาะสมกับโอกาส : การเลือกใช้ภาษาและใช้สิ่งที่ส่งสารเหมาะสม
🔎Channel ช่องทางการส่งสาร : การเลือกวิธีการส่งข่าวสารได้เหมาะสมและรวดเร็วที่สุด
🔎Continuity consistency ความต่อเนื่องและแน่นอน : การสื่อสารกระทำอย่างต่อเนื่องมีความแน่นอนถูกต้อง
🔎Clarity of audience ความสามารถของผู้รับสาร : การเลือกใช้วิธีการส่งสารซึ่งมั่นใจว่าผู้รับสารจะสามารถรับสารได้ง่ายและสะดวกโดยคำนึงถึงความรู้ เจตคติ อุปนิสัย ทักษะการใช้ภาษา สังคม

✨ วัฒนธรรมของผู้รับสารเป็นสำคัญ
🔎 คุณธรรมในการสื่อสาร ➔ คุณธรรม คือ 
- ความดีงามที่มีอยู่ในตัวบุคคล
- ต้องประกอบด้วยเหตุผลที่ดีของแต่ละบุคคล
- เกิดจากการปลูกฝังตั้งแต่เด็ก
- เกิดจากการได้เห็น ได้ยิน ได้อ่าน
- เกิดจากการได้เห็นพฤติกรรมของคนที่เคารพรักเป็นแบบอย่าง
🔎 คุณธรรมที่สำคัญในการสื่อสาร
- ความมีสัจจะและไม่ล่วงละเมิดสิทธิซึ่งกันและกัน
- ความรัก ความเคารพและความปรารถนาดีต่อกัน
- ความรับผิดชอบในสิ่งที่ตนพูดหรือกระทำ
- เป็นพฤติกรรมด้านนอกของการสื่อสาร หมายถึง พฤติกรรมที่ปรากฏให้เห็นชัดเจน เช่นกิริยาอาการ  การเปล่งเสียงออกมาเป็นถ้อยคำ  การเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรรวมทั้ง รูปภาพ แผนภูมิและการใช้วัตถุต่างๆ
- เป็นกิริยาวาจาที่เรียบร้อยถูกต้องตามคตินิยมของสังคม

วิธีการสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ปกครอง
- ศึกษาและพยายามทำตนให้เข้าใจกับผู้ปกครอง
- พยายามเรียนรู้ความต้องการของเขา และหาแนวทางตอบสนองตามความเหมาะสม
- พูดคุย พบปะกับผู้ปกครองในโอกาสต่างๆ
- หาโอกาสไปร่วมงานพิธีทางศาสนา เข้าร่วมกิจกรรมกับผู้ปกครอง
- ทำตนให้กลมกลืนกับผู้ปกครอง
- มีท่าทีเป็นมิตรอยู่เสมอ
- เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองร่วมกิจกรรม

สรุป
      การสื่อสารที่ดีและมีประสิทธิภาพนับเป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยให้งานการให้ความรู้ผู้ปกครองประสบผลสำเร็จ ผู้ที่เป็นครูจะต้องทำความเข้าใจเรื่องการสื่อสารให้กระจ่างชัดเจน ประกอบกับการศึกษาธรรมชาติและการเรียนรู้ของผู้ปกครอง พฤติกรรมการเรียนรู้ เพื่อที่จะได้ทำการให้ความรู้ให้การศึกษาแก่ผู้ปกครองได้ดีมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้ผู้ปกครองเกิดความศรัทธา เชื่อมั่นและมีความอบอุ่นว่าสถานศึกษาจะมีความสมบูรณ์ มากยิ่งขึ้นก็ต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ปกครอง บ้านโรงเรียน ชุมชนและสังคมเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาเด็กร่วมกัน

คำถามท้ายบท
1.จงอธิบายความหมายและความสำคัญของการสื่อสารมาโดยสังเขป
➔ การสื่อสาร คือ กระบวน การส่งข่าวสาร ข้อมูล จาก ผู้ส่งข่าวสารไปยังผู้รับข่าวสาร มีวัตถุประสงค์เพื่อชักจูงให้ผู้รับข่าวสาร มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา โดยคาดหวังให้เป็นไปตามที่ผู้ส่งต้องการ 
➔ ความสำคัญของการสื่อสาร รับรู้และเข้าใจถึงสารที่คนส่งมาถึงเรา และทำให้พูดคุยกันรู้เรื่อง

2.การสื่อสารมีความสำคัญกับผู้ปกครองอย่างไร
➔ เพื่อให้ผู้ปกครองเกิดความศรัทธา เชื่อมั่นและมีความอบอุ่นว่าสถานศึกษาจะมีความสมบูรณ์

3.รูปแบบการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพในการให้ความรู้ผู้ปกครอง ควรเป็นรูปแบบใด จงอธิบายพร้อมยกตัวอย่าง
➔ การสื่อสารระหว่างบุคคล 
- บุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ไม่ถึงกับเป็นกลุ่ม
- เป็นเรื่องเฉพาะระหว่างบุคคล อาจไม่เกี่ยวข้องหรือเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น
- อาจเป็นความลับระหว่างผู้ส่งสารกับผู้รับสารเท่านั้น
- สารที่สื่ออาจเปิดเผยหากมีประโยชน์ต่อบุคคลอื่น

4.ธรรมชาติและการเรียนรู้ของผู้ปกครองควรมีลักษณะอย่างไร
➔ 
- เรียนรู้ได้ดีในเรื่องของการพัฒนาเด็ก
- เรียนรู้ได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีความสมานฉันท์
- มีความแปลกใหม่และมีประโยชน์ต่อเด็ก
- รียนรู้ได้ดีจากการฝึกปฏิบัติ
- เรียนรู้ได้ดีในบรรยากาศที่เป็นวิชาการน้อยที่สุด
- ควรได้รับความต่อเนื่องในการเรียนรู้ทีละขั้นตอน
- เรียนรู้ได้ดีจากสื่อและอุปกรณ์ที่หลากหลาย

5.ปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนพฤติกรรมการเรียนรู้สำหรับผู้ปกครอง เพื่อให้ผู้ปกครองมีความเข้าใจเกี่ยวกับการศึกษาของเด็ก ประกอบด้วยปัจจัยด้านใดบ้าง
➔ 
1.ความพร้อม 
2.ความต้องการ 
3. อารมณ์และการปรับตัว 
4. การจูงใจ 
5. การเสริมแรง 
6. ทัศนคติและความสนใจ 
7. ความถนัด 


⏰ Assessment 

Self-Assessment : เข้าเรียนตรงเวลา มีการจดบันทึกเสมอ เนื่องจากเนื้อหาค่อนข้างเยอะ จึงมีพูดคุยกับเพื่อนเล็กน้อย
Member Assessment : เพื่อนในชั้นเรียนตั้งใจเรียน มีส่วนร่วมพูดคุยสนทนาคำถามกับอาจารย์
Teacher Assessment : เนื่องจากเนื้อหาเยอะ อาจารย์จึงมีกิจกรรมมาให้เล่นเพื่อให้เข้าใจในเนื้อหามากขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น